ภาวะท้องลม หรือ ไข่ลม ภาคภาษาอังกฤษว่า Blighted ovum เป็นการตั้งครรภ์ที่ผิดปกติชนิดหนึ่งที่เกิดจาก ไข่กับอสุจิผสมกันเป็นตัวอ่อนแล้ว มีการฝังตัวในระยะะแรกแล้ว แต่ส่วนของตัวเด็กฝ่อหายไปก่อน เหลือเพียงแค่ถุงการตั้งครรภ์ ซึ่งไม่ฝ่อไปเอง ต้องลงท้ายด้วยการขูดลอกออก หรือบางรายถ้าฝ่อเร็วมาก ถุงการตั้งครรภ์จะเล็กมาก สามารถแท้งธรรมชาติหลุดออกมาทั้งถุงหมดเลยได้โดยเฉพาะในช่วง 6 สัปดาห์แรก หรือหลัง 12 สัปดาห์ถุงก็สามารถหลุดออกมาได้ครบเช่นเดียวกัน แต่ในช่วงหลัง 7 สัปดาห์จนถึงก่อน 12 สัปดาห์ การแท้งมักจะไม่ครบ จึงอาจจะมีภาวะแทรกซ้อนคือการตกเลือดก่อนมาโรงพยาบาลได้
สาเหตุของท้องลมนั้นส่วนใหญ่ประมาณร้อยละ 50 เกิดจากความผิดปกติของโครโมโซมตัวอ่อน ซึ่งเกิดขึ้นตามธรรมชาติ เราพบว่าในท้องธรรมชาติ การเกิดท้องลมเกิดได้ทุกอายุ อายุน้อยกว่า 35 ปี มีโอกาสเกิดท้องลมซึ่งเป็นแท้งธรรมชาติได้ร้อยละ 15 ส่วนผู้หญิงที่อายุ 35-38 ปี เสี่ยงท้องลมเพ่ิมเป็นร้อยละ 20-25 อายุ 39-40 ปี เสี่ยงท้องลมร้อยละ 30 เมื่ออายุมากกว่า 40 ปี เสี่ยงท้องลมร้อยละ 35-40 จะเห็นได้ว่าโอกาสเกิดท้องลมนั้นสัมพันธ์กับอายุ เมื่อผู้หญิงเราอายุมากขึ้น ความปกติในแง่พันธุกรรมของไข่จะลดลงไป ทำให้ไข่ที่ได้ออกมานั้นเมื่อไปผสมกับอสุจิ จะได้ตัวอ่อนที่มีจำนวนโครโมโซมไม่ปกติ คืออาจจะขาดหรือเกินที่โครโมโซมคู่ใดคู่หนึ่งหรือหลายคู่พร้อมๆกัน
การเกิดท้องลมเป็นเรื่องของธรรมชาติของไข่มนุษย์ที่ไม่สมบูรณ์แบบเสมอไป ไข่ที่ตกตามธรรมชาติที่มีโครโมโซมผิดปกตินั้นสามารถผสมเป็นตัวอ่อนได้ แต่ฝังตัวได้ไม่นานก็ฝ่อและเหลือแต่ถุงการตั้งครรภ์กับส่วนของรก จึงทำให้ขาดประจำเดือนเหมือนท้องทั่วไป แต่วันที่มาตรวจอัลตราซาวด์เพื่อดูตัวเด็กและหัวใจในช่วง 6-7 สัปดาห์ เราจะพบแต่ถุงว่างๆ ไม่มีตัวเด็กอยู่ภายใน
โอกาสในการเกิดซ้ำของท้องลมน้ันยังคงขึ้นกับอายุของฝ่ายหญิง โดยเมื่อเกิดในท้องแรก ท้องที่สองยังคงมีความเสี่ยงตามอายุเหมือนเดิม แต่เมื่อเกิดท้องลมถึงสองครั้ง ความเสี่ยงครั้งที่สามน้ันจะสูงขึ้นกว่าเดิมมาก เนื่องจากอาจจะไม่ได้เกิดจากไข่ที่ผิดปกติตามธรรมชาติเพียงอย่างเดียว อาจจะพบว่าคู่สมรสคนใดคนหนึ่งเป็นผู้ถ่ายทอดความผิดปกติทางพันธุกรรมน้ันๆให้กับตัวอ่อน
การเกิดท้องลมพบได้ทั้งในการตั้งครรภ์ธรรมชาติ และการตั้งครรภ์จากการผสมภายนอกร่างกาย โดยโอกาสเกิดนั้นเป็นไปตามอายุของผู้หญิง การเกิดท้องลมบ่อยๆนั้นเพ่ิมโอกาสเสี่ยงที่จะเกิดภาวะความผิดปกติของโครโมโซมตัวอ่อนมากขึ้น โดยทั่วไปเราควรจะตรวจหาสาเหตุที่ทำให้เกิดท้องลมซ้ำซ้อนมากกว่าสองครั้ง เช่นคู่สมรสคนใดคนหนึ่งมีภาวะเสี่ยงต่อการเกิดความผิดปกติของโครโมโซมที่สามารถถ่ายทอดไปสู่ลูกได้ แต่คนๆนั้นไม่พบความผิดปกติทางร่างกายเลย เราเรียกภาวะนี้ว่า balance translocation ซึ่งเราสามารถตรวจเลือดเพื่อดูโครโมโซม ดังรูป
ภาวะท้องลมโดยธรรมชาติ ไม่สามารถป้องกันได้ ความเสี่ยงในการเกิดน้ันเป็นธรรมชาติตามอายุของฝ่ายหญิง แต่กรณีที่เราทำเด็กหลอดแก้ว หรือผสมภายนอกร่างกายนั้น เราสามารถลดโอกาสเสี่ยงลงไปได้ โดยเฉพาะในรายที่มีอายุมาก หรือในรายที่เกิดซ้ำ หรือในรายที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็น balance translocation carrier โดยทำการตรวจโครโมโซมตัวอ่อนอย่างละเอียดทุกคู่โครโมโซม เพื่อเลือกตัวอ่อนที่มีจำนวนโครโมโซมปกติกลับเข้ามดลูก
อาการของคนที่เป็นท้องลมนั้น เหมือนคนตั้งครรภ์ทั่วไป เนื่องจากรกมีการสร้างฮอร์โมน HCG เหมือนกับคนท้องปกติ เพียงแต่ระดับจะต่ำกว่าปกติ จึงทำให้คนท้องลมบางคนไม่ค่อยมีอาการแพ้ท้อง หรือมีอาการที่เปลี่ยนแปลงไปจากคนปกติ อย่างไรก็ตามท้องลมบางคนมีอาการแบบคนท้องปกติได้เช่นเดียวกัน เช่นขาดประจำเดือน คัดเต้านม คลื่นไส้ เพียงแต่อาการมักจะน้อยกว่าคนปกติ เนื่องจากระดับของฮอร์โมน HCG ที่ต่ำกว่าปกติ
การวินิจฉัยนั้น ทำได้โดยการตรวจอัลตราซาวด์ในช่วงอายุครรภ์ 6-7 สัปดาห์ขึ้นไป เห็นว่ามีถุงการตั้งครรภ์ในมดลูก และวัดขนาดของถุงการตั้งครรภ์แล้วมีขนาดที่ใหญ่เกินกว่า 17-20 mm แต่ยังไม่พบว่ามีตัวเด็กทารก ถ้ายังไม่มั่นใจ ควรนัดตรวจติดตามภายใน 1-2 สัปดาห์ เนื่องจากทารกในช่วงแรกของการตั้งครรภ์นั้นมีการเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้รวดเร็ว ดังน้ันเมื่อมีการนัดตรวจซ้ำภายในหนึ่งสัปดาห์ เราควรจะเห็นการเจริญเติบโตของทารก และเห็นการเต้นของหัวใจ ถ้าตรวจซ้ำแล้วยังเห็นแต่ถุงที่มีขนาดที่โตขึ้น แต่ไม่เห็นตัวเด็ก แสดงว่าเป็นภาะวะท้องลมอย่างแน่นอน
สาเหตุของท้องลมนั้นส่วนใหญ่ประมาณร้อยละ 50 เกิดจากความผิดปกติของโครโมโซมตัวอ่อน ซึ่งเกิดขึ้นตามธรรมชาติ เราพบว่าในท้องธรรมชาติ การเกิดท้องลมเกิดได้ทุกอายุ อายุน้อยกว่า 35 ปี มีโอกาสเกิดท้องลมซึ่งเป็นแท้งธรรมชาติได้ร้อยละ 15 ส่วนผู้หญิงที่อายุ 35-38 ปี เสี่ยงท้องลมเพ่ิมเป็นร้อยละ 20-25 อายุ 39-40 ปี เสี่ยงท้องลมร้อยละ 30 เมื่ออายุมากกว่า 40 ปี เสี่ยงท้องลมร้อยละ 35-40 จะเห็นได้ว่าโอกาสเกิดท้องลมนั้นสัมพันธ์กับอายุ เมื่อผู้หญิงเราอายุมากขึ้น ความปกติในแง่พันธุกรรมของไข่จะลดลงไป ทำให้ไข่ที่ได้ออกมานั้นเมื่อไปผสมกับอสุจิ จะได้ตัวอ่อนที่มีจำนวนโครโมโซมไม่ปกติ คืออาจจะขาดหรือเกินที่โครโมโซมคู่ใดคู่หนึ่งหรือหลายคู่พร้อมๆกัน
การเกิดท้องลมเป็นเรื่องของธรรมชาติของไข่มนุษย์ที่ไม่สมบูรณ์แบบเสมอไป ไข่ที่ตกตามธรรมชาติที่มีโครโมโซมผิดปกตินั้นสามารถผสมเป็นตัวอ่อนได้ แต่ฝังตัวได้ไม่นานก็ฝ่อและเหลือแต่ถุงการตั้งครรภ์กับส่วนของรก จึงทำให้ขาดประจำเดือนเหมือนท้องทั่วไป แต่วันที่มาตรวจอัลตราซาวด์เพื่อดูตัวเด็กและหัวใจในช่วง 6-7 สัปดาห์ เราจะพบแต่ถุงว่างๆ ไม่มีตัวเด็กอยู่ภายใน
โอกาสในการเกิดซ้ำของท้องลมน้ันยังคงขึ้นกับอายุของฝ่ายหญิง โดยเมื่อเกิดในท้องแรก ท้องที่สองยังคงมีความเสี่ยงตามอายุเหมือนเดิม แต่เมื่อเกิดท้องลมถึงสองครั้ง ความเสี่ยงครั้งที่สามน้ันจะสูงขึ้นกว่าเดิมมาก เนื่องจากอาจจะไม่ได้เกิดจากไข่ที่ผิดปกติตามธรรมชาติเพียงอย่างเดียว อาจจะพบว่าคู่สมรสคนใดคนหนึ่งเป็นผู้ถ่ายทอดความผิดปกติทางพันธุกรรมน้ันๆให้กับตัวอ่อน
การเกิดท้องลมพบได้ทั้งในการตั้งครรภ์ธรรมชาติ และการตั้งครรภ์จากการผสมภายนอกร่างกาย โดยโอกาสเกิดนั้นเป็นไปตามอายุของผู้หญิง การเกิดท้องลมบ่อยๆนั้นเพ่ิมโอกาสเสี่ยงที่จะเกิดภาวะความผิดปกติของโครโมโซมตัวอ่อนมากขึ้น โดยทั่วไปเราควรจะตรวจหาสาเหตุที่ทำให้เกิดท้องลมซ้ำซ้อนมากกว่าสองครั้ง เช่นคู่สมรสคนใดคนหนึ่งมีภาวะเสี่ยงต่อการเกิดความผิดปกติของโครโมโซมที่สามารถถ่ายทอดไปสู่ลูกได้ แต่คนๆนั้นไม่พบความผิดปกติทางร่างกายเลย เราเรียกภาวะนี้ว่า balance translocation ซึ่งเราสามารถตรวจเลือดเพื่อดูโครโมโซม ดังรูป
ภาวะท้องลมโดยธรรมชาติ ไม่สามารถป้องกันได้ ความเสี่ยงในการเกิดน้ันเป็นธรรมชาติตามอายุของฝ่ายหญิง แต่กรณีที่เราทำเด็กหลอดแก้ว หรือผสมภายนอกร่างกายนั้น เราสามารถลดโอกาสเสี่ยงลงไปได้ โดยเฉพาะในรายที่มีอายุมาก หรือในรายที่เกิดซ้ำ หรือในรายที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็น balance translocation carrier โดยทำการตรวจโครโมโซมตัวอ่อนอย่างละเอียดทุกคู่โครโมโซม เพื่อเลือกตัวอ่อนที่มีจำนวนโครโมโซมปกติกลับเข้ามดลูก
อาการของคนที่เป็นท้องลมนั้น เหมือนคนตั้งครรภ์ทั่วไป เนื่องจากรกมีการสร้างฮอร์โมน HCG เหมือนกับคนท้องปกติ เพียงแต่ระดับจะต่ำกว่าปกติ จึงทำให้คนท้องลมบางคนไม่ค่อยมีอาการแพ้ท้อง หรือมีอาการที่เปลี่ยนแปลงไปจากคนปกติ อย่างไรก็ตามท้องลมบางคนมีอาการแบบคนท้องปกติได้เช่นเดียวกัน เช่นขาดประจำเดือน คัดเต้านม คลื่นไส้ เพียงแต่อาการมักจะน้อยกว่าคนปกติ เนื่องจากระดับของฮอร์โมน HCG ที่ต่ำกว่าปกติ
การวินิจฉัยนั้น ทำได้โดยการตรวจอัลตราซาวด์ในช่วงอายุครรภ์ 6-7 สัปดาห์ขึ้นไป เห็นว่ามีถุงการตั้งครรภ์ในมดลูก และวัดขนาดของถุงการตั้งครรภ์แล้วมีขนาดที่ใหญ่เกินกว่า 17-20 mm แต่ยังไม่พบว่ามีตัวเด็กทารก ถ้ายังไม่มั่นใจ ควรนัดตรวจติดตามภายใน 1-2 สัปดาห์ เนื่องจากทารกในช่วงแรกของการตั้งครรภ์นั้นมีการเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้รวดเร็ว ดังน้ันเมื่อมีการนัดตรวจซ้ำภายในหนึ่งสัปดาห์ เราควรจะเห็นการเจริญเติบโตของทารก และเห็นการเต้นของหัวใจ ถ้าตรวจซ้ำแล้วยังเห็นแต่ถุงที่มีขนาดที่โตขึ้น แต่ไม่เห็นตัวเด็ก แสดงว่าเป็นภาะวะท้องลมอย่างแน่นอน
เรียนคุณหมอ
ReplyDeleteตอนนี้กำลังแท้งรอบที่ 4 เกิดจากที่ตัวอ่อนไม่พัฒนาต่อ ทุกท้องไม่เคยข้ามผ่าน 2 เดือน และไม่เคยเห็นตัวเด็ก อย่างนี้น่าเกิดจากโครโมโซมผิดปกติหรือไม่ค่ะ
เพิ่มเติมค่ะ เริ่มท้องตั้งแต่อายุ 36 จนปัจจุบันย่าง 39 ท้องมา 4 ครั้ง
ReplyDelete